โรค osgood schlatter disease (OSD)
หรือ โรคหัวเข่าปูดจากปุ่มกระดูกอักเสบ
ถ้าพูดถึงสาเหตุของอาการปวดเข่า เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงโรคข้อเข่าเสื่อม เอ็นไหว้หน้าอักเสบ หมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด โรครูมาตอยด์ เก๊าต์ เป็นต้น ซึ่งโรคที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ มักพบในในวัยกลางคนจนถึงวัยผู้สูงอายุซะมากกว่า แต่ถ้าพบในวัยรุ่น วัยเด็ก หรือนักกีฬาล่ะก็จะมีเพียงไม่กี่โรคหรอกครับ และหนึ่งในนั้นก็คือ โรค osgood schlater disease ซึ่งเป็นภาวะที่หัวกระดูกหน้าแข้งใกล้ๆข้อเข่า (tibial tuberosity) เกิดการอักเสบ หรือไม่ก็แตกร้าวจากแรงดึงของเส้นเอ็นที่มาเกาะอยู่บริเวณนั้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเข่าเมื่อต้องทำกิจกรรมที่ใช้แรงขามากๆ เช่น วิ่ง กระโดด และถ้านั่งคุกเข่าไม่ได้ด้วยแล้วล่ะก็ ใช่เลยครับสำหรับโรคนี้ เพราะขณะที่เรานั่งคุกเข่า เจ้าเศษกระดูกตรงหน้าเข่านั้น มันจะกดอัดกับเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อรอบๆทำให้เกิดอาการปวดนั่นเอง
ภาพแสดงโครงสร้างของเข่า และตำแหน่งที่ทำให้เกิดโรค osgood schlatter
สาเหตุของโรค osgood schlatter disease
โรคนี้โดยมากมักพบในวัยเด็ก วัยรุ่น และในนักกีฬาเสียเป็นส่วนใหญ่ครับผม และโดยเฉพาะนักกีฬาจะพบได้มากที่สุด ซึ่งกีฬาหรือกิจกรรมที่จะทำให้เสี่ยงเป็นโรคนี้ยกตัวอย่างเช่น การวิ่ง ซึ่งการวิ่งไม่ใช่การวิ่งมาราธอนนะ แต่เป็นการวิ่งระยะสั้น 100 เมตร 200 เมตร, กีฬาที่เกี่ยวข้องกับการกระโดด เช่น บาสเก็ตบอล วอลเล่ย์บอล หรือจะเป็นกีฬาที่มีการวิ่งระยะสั้นสลับกับหยุดวิ่งเป็นระยะๆ เช่น ฟุตบอล รักบี้ เป็นต้น
ภาพแสดงกระดูกเข่าที่แตกออก
ซึ่งสาเหตุที่กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เป็นโรค osgood schlatter disease ได้ง่ายเนื่องจาก ขณะที่เราออกแรงกล้ามเนื้อต้นขาให้หดตัวมากๆในการวิ่ง หรือกระโดด จะทำให้เส้นเอ็นตรงใต้กระดูกลูกสะบ้าเกิดการตึงตัวตามและดึงรั้งปุ่มกระดูกใต้เข่า (tibial tuberosity) ที่มันเกาะอยู่ ทำให้ผิวกระดูกบริเวณนั้นเกิดการแตกร้าวขึ้นเล็กๆจากแรงดึง แต่ถ้ายังคงมีการทำกิจกรรมหนักๆอย่างต่อเนื่อง ผิวกระดูกก็แตกร้าวมากขึ้นจนเกิดอาการปวดที่หน้าเข่าได้ในที่สุด และหากผู้ป่วยยังเป็นเด็กอายุอยู่ในช่วง 8-12 ปี แล้วชอบเล่นกีฬาก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้มากกว่าปกติ เนื่องจากในวัยเด็ก มวลกระดูกยังไม่แข็งแรงมาก เมื่อเกิดการดึงรั้ง เกิดการกระชากของเส้นเอ็นหน้ากระดูกจึงทำให้กระดูกแตกร้าวได้ง่ายกว่าปกตินั่นเองครับผม ส่วนใหญ่จะพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงนะ
ภาพมองจากด้านข้างเข่า ของตำแหน่งที่กระดูกหน้าเข่าแตก
นอกจากในวัยเด็กที่ชอบเล่นกีฬาแล้ว คนทั่วไปก็พบได้เช่นเดียวกัน แต่โดยมากมักเกิดจากอุบัติเหตุซะมากกว่านะ เช่น การหกล้มหัวเข่ากระแทกพื้น ทำให้ปุ่มกระดูกหน้าเข่าแตกร้าว หรือเกิดอุบัติเหตุมีของแข็งมาโดนที่หน้าเข่าตรงปุ่มกระดูก เป็นต้น
ภาพเปรียบเทียบเข่าข้างปกติกับข้างที่เป็นโรคของผมครับ
จำได้ว่าเป็นตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันนี้เข่าก็ยังปูดนูนอยู่ แต่ไม่มีอาการปวดใดๆแล้ว
อาการของโรค osgood schlatter disease
อาการของผู้ที่เป็นโรคนี้ก็คือ จะมีอาการเจ็บที่หน้าเข่าเมื่อวิ่ง หรือกระโดด เมื่อใช้มือกดลงไปตรงปุ่มกระดูกหน้าเข่าจะมีอาการปวดมากขึ้น ไม่สามารถนั่งคุกเข่าได้เพราะแรงกดของนํ้าหนักตัวกดลงไปที่เข่าจะไปกดตรงกระดูกที่แตกร้าวทำให้เกิดอาการปวด
นอกจากนี้ก็จะสังเกตุได้ว่าปุ่มกระดูกตรงหน้าเข่านั้น มันมีลักษณะปูดบวมมากกว่าข้างปกติอย่างเห็นได้ชัด ในระยะแรกที่เป็นใหม่ๆอาจมีกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (quadriceps) มันตึงมากกว่าปกติ และเมื่อเอามืออังที่ปุ่มกระดูกจะรู้สึกอุ่นๆ และผิวหนังโดยรอบมีสีแดงเล็กน้อยจากการอักเสบ
เมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่ปุ่มกระดูกหน้าข้อเข่าจะทำให้เกิดอาการปวดมากขึ้น
การรักษาของโรค osgood schlatter disease
สำหรับโรคนี้ไม่ต้องเข้ารับการรักษาอะไรมากก็ได้ครับ เพราะมันไม่ใช่การบาดเจ็บที่ใหญ่มากจนทำให้เกิดอันตรายอะไรได้ครับผม หลักๆคือหากพบว่าตนเองมีอาการปวดปุ่มกระดูกตรงหน้าเข่ามา กดลงไปตรงปุ่มกระดูกแล้วเจ็บ นั่งคุกเข่าไม่ได้ วิ่งเร็วไม่ได้เหมือนเดิมเนื่องจากอาการบาดเจ็บก็ให้หยุดพักก่อนครับ แล้วใช้การประคบนํ้าแข็ง หรือผ้าเย็นบริเวณที่ปวดแทน เพื่อป้องกันไม่ให้เศษกระดูกที่แตกร้าวอยู่เกิดการแตกมากขึ้น และลดการอักเสบ ซึ่งการพักนั้นอาจกินเวลา 15 วัน หรือมากกว่า 1 เดือนก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคลครับผม แต่ระหว่างที่พักผู้ป่วยก็ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ สามารถเดินได้ นั่งได้ เพียงแต่เมื่อวิ่ง หรือเดินขึ้นบันไดอาจจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้นเท่านั้นเองครับผม
นอกจากนี้ก็ใช้การยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าร่วมด้วย เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ในระยะแรกๆ นอกจากจะมีอาการปวดแล้ว กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าก็ยังมีความตึงมากด้วย ก็ใช้การยืดกล้ามเนื้อต้นขาตามคลิปด้านล่างนี้เลยครับผม โดยยืดค้างไว้ 15 วินาที นะครับ
วิธียืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (quadriceps)
ส่วนปุ่มกระดูกที่ปูดยื่นออกมานั้น เราคงไม่สามารถทำอะไรมันได้ครับ ไม่ต้องไปกด ดัน หรือผ่าตัดใดๆทั้งสิ้น เพราะโครงสร้างกระดูกเหล่านั้นมันเกิดการเชื่อมติดกัน และเปลี่ยนรูปร่างไปแล้วครับผม
เครดิตภาพ
- http://kneesafe.com/osgood-schlatter-disease/
- https://en.wikipedia.org/wiki/Osgood%E2%80%93Schlatter_disease
- https://www.gillettechildrens.org/conditions-and-care/osgood-schlatter-disease/
- http://orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00411
- http://emedicine.medscape.com/article/1993268-overview