สะพายเป้แบบนี้สิ
ลืมไปได้เลยว่าเคยปวดหลัง
เคยมีคนไข้ทักมาถามผมเกี่ยวกับวิธีการสะพายกระเป๋าเป้ที่ถูกต้องว่า เราควรสะพายยังไงถึงป้องกันอาการปวดหลังได้
ผมก็แนะนำไปคร่าวๆแบบเป็นขั้นเป็นตอน พร้อมวิธีเลือกกระเป๋าไปว่า
1) ควรดึงสายเป้ให้กระชับ จนกระเป๋าแนวติดหลัง
2) ก้นกระเป๋าเป้ไม่ควรอยู่ตํ่ากว่าขอบกางเกง
3) ถ้ากระเป๋าเป้ใหญ่มากแบบกระเป๋าเดินทาง (เหมือนที่ฝรั่งชอบใช้เที่ยวแบ็คแพคกัน) ให้เลือกซื้อแบบมีสายรัดเอวด้วย เพื่อให้เป้แนบหลังและลดการถ่วงของกระเป๋าไปด้านหลังได้
4) พยายามโน้มตัวไปข้างหน้าขณะเดิน เพื่อไม่ให้นํ้าหนักกระเป๋าไปตกที่หลังมากเกินไป
5) สายกระเป๋าที่พาดบ่าต้องกว้าง เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดที่บ่าเพียงจุดเดียวจนกล้ามเนื้อบ่าบาดเจ็บ
6) ภายในช่องใส่กระเป๋าเป้ควรมีสายรัด เอาไว้รัดสิ่งของภายในไม่ให้มันแกว่งขณะเราเดิน เพื่อลดแรงเหวี่ยงของกระเป๋าขณะเดิน แล้วกล้ามเนื้อหลังก็ไม่ต้องออกแรงเกร็งมากด้วย
7) ถ้าสะพายเป้นานๆจนเริ่มปวดบ่า ปวดหลัง ก็ให้เอามือจับสายเป้ตรงบ่า แล้วยกสายเป้ขึ้นบ้าง เพื่อลดแรงกดกระเป๋าต่อบ่าของเรา
ผมก็แนะนำไปประมาณนี้ ตัวคนไข้เองก็แย้งว่า "ที่แนะนำมาก็ทำเกือบอยู่ตลอดนะ แต่ก็ยังปวดหลัง ปวดบ่าได้อยู่ดีค่ะ พอจะมีวิธีอื่นที่นอกเหนือจากนี้อีกมั้ยคะ เพราะเป็นคนที่ต้องเดินทางอยู่ตลอด เลี่ยงการสะพายเป้ไม่ได้จริงๆ"
พอคนไข้บอกมาแบบนี้ ผมก็เริ่มมึนนิดๆแล้ว เลยซักถามอาการ ประวัติอาการปวดคร่าวๆ แล้วการดำเนินชีวิตว่าแต่ล่ะวันว่าทำอะไรบ้าง เสร็จสัพผมก็แนะนำวิธีการยืดหลัง กับท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงไป ถ้ากล้ามเนื้อหลังแข็งแรงดีก็จะป้องกันอาการปวดหลังได้ คนไข้ก็โอเครับทราบ
แต่หลังจากคุยเสร็จผมก็มานั่งคิดต่อว่า แล้วถ้าเค้ายังคงปวดหลังอยู่แล้วต้องสะพายเป้อยู่เหมือนเดิม การยืดหลังมันก็ช่วยแค่คลายได้ชั่วคราว ส่วนการออกกำลังกายกล้ามเนื้อหลังนั้น กว่าหลังจะแข็งแรงมันก็ใช้เวลานานอยู่ดี มันมีวิธีไหนที่ช่วยผ่อนแรงหลังได้บ้างหว่า
คิดแล้วผมก็ลองเอาหนังสือ text book เล่มหนาๆหลายๆเล่มมาใส่กระเป๋า แล้วลองสะพายเล่นๆดูพร้อมวิเคราะห์ว่าท่าไหนที่แก้ปัญหาได้ทันที ว่าแล้วผมก็สรุปออกมาได้ทั้งหมด 4 ท่าด้วยกันที่ช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดบ่าขณะสะพายเป้ เชิญรับชมกันได้เลยครับ
1) ยกสายเป้ไว้ตลอด
วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมใช้เป็นประจำที่ต้องสะพายกระเป๋าเป้ เพราะมีความรู้สึกว่า ยิ่งดึงสายสะพายให้สูงเท่าไหร่ ผมยิ่งเดินได้คล่องตัวมากขึ้นเท่านั้น แถมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องปวดบ่าเวลาที่สะพายกระเป๋านานๆด้วยนะ
วิธีการก็คือ
- ดึงสายเป้จนกระเป๋าแนบหลัง และก้นกระเป๋าไม่อยู่ตํ่ากว่าขอบกางเกงใน
- ใช้มือทั้ง 2 ข้างจับสายเป้ ตามรูป
- จากนั้นใช้มือทั้ง 2 ยกสายเป้ขึ้นแล้วเยื้องมาด้านหน้าหน่อยๆ จนรู้สึกว่านํ้าหนักกระเป๋าไม่ลงที่บ่าแล้ว
- ขณะเดิน ให้เดินโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เดินได้คล่องตัวขึ้น
ในกรณีที่กระเป๋าเราหนักมากจริงๆ การทำแบบนี้นานๆมันก็ทำให้ปวดแขนกันบ้างล่ะ ทางที่ดีก็คือ ยกสายเป้เมื่อเราเริ่มเมื่อยบ่า แต่พอหายเมื่อยแล้วสะพายเป้ตามปกตินะครับ
2) มือช้อนตูด
วิธีนี้ผมจะชอบใช้ตอนที่กระเป๋าเป้ของผมมันหนักมากจริงๆ จนรู้สึกว่าวิธีการยกสายเป้มันเอาไม่อยู่แล้วผมก็จะใช้วิธีนี้นะ เพราะการทำแบบนี้มันเป็นการใช้กำลังแขนไปรองกระเป๋าไว้เลย นํ้าหนักกระเป๋าจึงตกไปที่แขน แทนที่จะเป็นกล้ามเนื้อบ่า หรือหลัง
วิธีการ
- เอามือทั้ง 2 ข้างไขว้หลัง
- แล้วใช้มือทั้ง 2 จับที่ก้นกระเป๋า แล้วยกกระเป๋าขึ้นมาจนรู้สึกว่านํ้าหนักกระเป๋าไม่กดลงที่บ่าแล้วก็พอ
- ขณะเดิน ให้เดินโน้มตัวไปข้างหนัาพอประมาณ จะทำให้เราเดินได้คล่องขึ้นสำหรับวิธีนี้ ซึ่งท่าเดินมันจะดูตลกนิดๆ เหมือนคนแก่หลังค่อมเดินกันนั่นแหละครับ แต่ถ้าเราแคร์หลังตัวเองมากกว่าคนอื่นที่มองเราก็ทำไปเถอะครับ
แต่ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือ คนที่ตัวเล็ก แขนสั้น หรือกระเป๋าใบใหญ่มากจริงๆจะทำได้ลำบากครับ เพราะมือเอื้อมไม่ถึง ^^
3) อุ้มกระเป๋าเป้
เป็นวิธีที่เห็นคนทำกันเยอะ แต่จะต่างกันเล็กน้อยตรงที่ในรูปผมจะใช้มือช้อนไปที่ก้นกระเป๋าแล้วใช้มืออุ้มขึ้นมา นํ้าหนักกระเป๋าจะอยู่ที่แขนผมเต็มๆ แต่คนทั่วไปที่เห็นคือ สะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหน้าแต่ไม่ได้ใช้มืออุ้ม ซึ่งไม่ผิดนะ ทำได้เลยครับ
แต่มันจะทำให้ปวดหลังแน่ๆ ถ้าสายสะพายมันยาวจนก้นกระเป๋าเลยขอบกางเกงเรา แล้วถ้ากระเป๋าเป้ยิ่งมีนํ้าหนักมากอาการปวดหลังก็คูณ 2 เข้าไปเลยครับ ที่เห็นบ่อยเลยคือ กระเป๋าเป้ใบเล็กๆของคุณผู้หญิงน่ะ ที่สายเป้เล็ก ปล่อยสายยาวๆให้กระเป๋ามันดูห้อยลงมาหน่อยๆ แต่กระเป๋าหนักมาก แบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงปวดหลังครับ
แล้วถ้าเราสะพายเป้ไว้ด้านหน้า ตัวกระเป๋าเป้ก็ดันหนักมากๆ แถมยังห้อยสายเป้ยาวๆจนเลยขอบกางเกงอีก มันจะทำให้ร่างกายเราชดเชยการถ่วงกระเป๋าเป้ที่อยู่ด้านหน้า ให้เราเอนไปด้านหลังแทน ยิ่งสายเป้ยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องเอนตัวไปด้านหลังมากขึ้นเท่านั้น ในระยะยาวจะทำให้เรากลายเป็นคนหลังแอ่นได้นะ
วิธีการ
- ดึงสายเป้ให้กระชับ จนก้นกระเป๋าอยู่เหนือขอบกางเกงเล็กน้อย
- จากนั้นเอามือทั้ง 2 ข้างช้อนก้นกระเป๋า แล้วยกกระเป๋าขึ้นจนนํ้าหนักเป้ไม่กดที่บ่าก็ใช้ได้แล้ว
- ถ้ากระเป๋าหนักมาก หรือใหญ่กว่าตัวเรามากๆ วิธีนี้อาจไม่เหมาะนะ
4) แค่โน้มตัวไปด้านหน้า
สำหรับคนที่กำลังแขนไม่ดี หรือไม่อยากยุ่งยากไปกับการใช้แขนช่วยแบกกระเป๋าจนพะรุงพะรัง คิดแค่เพียงว่า ขอสะพายเป้อย่างเดียวให้ถูกวิธีแล้วจบเลย มีมั้ย? ต้องทำยังไง? จัดให้เลยครับ
ถ้ากระเป๋ามีหลายช่อง ให้นําของหนักใส่ช่องหลัง
วิธีการ
- กระชับสายเป้ให้สั้น จนก้นกระเป๋าอยู่สูงกว่าขอบกางเกงใน และให้กระเป๋าแนบหลังให้มากที่สุด
- ถ้าในช่องใส่กระเป๋ามีสายรัด ก็รัดของที่อยู่ข้างในให้เป็นชิ้นเดียวกัน หรือถ้ามีช่องใส่ของหลายช่อง ก็นําของหนักไปใส่ไว้ที่ช่องกระเป๋าหลัง เพราะถ้าเอาของหนักใส่ช่องกระเป๋าหน้ามันจะถ่วงกระเป๋าแล้วจะปวดหลังได้ง่าย
- โน้มตัวไปข้างหน้าขณะเดินเล็กน้อย จบ
5) สะพายเป้ข้างเดียว
เมื่อรู้วิธีสะพายเป้ไม่ให้ปวดหลังกันแล้ว คราวนี้มาดูวิธีสะพายเป้แบบผิดๆทำให้เราปวดหลังกันบ้าง เริ่มจากสะพายเป้ข้างเดียว ถือว่าเป็นท่าฮิตของยุคนี้กันเลย โดยเฉพาะในหมู่นักเรียนจะเห็นบ่อยมาก
ข้อเสีย
- ทำให้ปวดบ่าข้างเดียวได้ง่าย จากสายรัดที่กดบ่าเพียงข้างเดียว
- กล้ามเนื้อหลังซีกที่สะพายเป้ข้างเดียวจะตึงมาก ในระยะยาวจะปวดหลังได้ง่าย
- ถ้าสะพายเป้ข้างเดิมจนเป็นนิสัยเป็นเวลาหลายปี ร่วมกับกล้ามเนื้อไม่ค่อยแข็งแรง จะทำให้ปวดกล้ามเนื้อทั้งซีกตั้งแต่คอจรดเอวได้
- เสี่ยงเป็นหลังคดจากนํ้าหนักกระเป๋าที่กดข้างเดียวอยู่ตลอด
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่เห็นลูกสะพายเป้ข้างเดียวด้วยความเคยชิน พอเตือนไปก็สะพายเป้ถูกวิธี แต่พอลืมตัวก็สะพายเป้ข้างเดียวเหมือนเดิม ถ้าเป็นแบบนี้แนะนำให้ซื้อกระเป๋าเป้แบบที่มีล้อลากไปเลยครับ ไม่ต้องสะพายเป่ให้ปวดบ่า คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องเมื่อยปากบ่นลูกด้วย ^^
6) สายเป้ยาวติดตูด
เป็นอีกเทรนฮิตของน้องนักเรียนอีกเช่นกัน สำหรับสายเป้ยาวติดตูด ในสมัยที่ผมเป็นนักเรียนผมก็ชอบสะพายเป้แบบนี้เหมือนกันนะ รู้ทั้งรู้ว่าสะพายแบบนี้แล้วตัวเองเดินไม่ค่อยถนัดจากกระเป๋าที่มันกระเด้งมาโดนตูดผมทุกครั้งที่ก้าวขาเดิน แต่ก็ยังทำอยู่ดีเพราะรู้สึกว่ามันเท่ดี ผมเลิกนิสัยนี้ได้ก็หลังจากเข้ามหาลัยไปได้ปี 2 ปีแล้วนั่นแหละครับ เพราะโดนอาจารย์เอ็ดบ่อย
ประมาณว่า "ไปรักษาคนไข้ที่ไหนใครเค้าจะเชื่อฟัง ถ้าเธอยังมีบุคคลิกผิดๆแบบนี้อยู่ นักกายภาพต้องใช้แรงรักษาคนไข้เยอะ ถ้าปวดหลังขึ้นมาจะเอาแรงที่ไหนไปรักษาคน" โดนเอ็ดแบบนี้บ่อยๆก็เลิกนิสัยนี้สิครับ ฮาๆๆ
ข้อเสีย
- หลังแอ่นง่าย จากนํ้าหนักกระเป๋าและสายเป้ที่ยาวจนถ่วงไปด้านหลังมากๆ
- ปวดเอวได้ง่าย
- เคลื่อนที่ไม่ค่อยคล่องตัว จากกระเป๋าเป้ที่กระเด้งกระดอนมาโดนตูดเรา
7) ยืนแอ่นเอง
ในกรณีที่เราสะพายเป้ถูกวิธีทุกๆอย่างแล้ว แต่ก้ยังปวดหลังอยู่ เรื่องนี้ต้องลองสังเกตุตัวเองแล้วครับว่าบุคคลิกการยืน หรือสรีระของหลังเราเป็นยังไง เพราะบางคนเป็นคนที่ก้นงอน หลังแอ่นมากอยู่แล้ว พอได้สะพายกระเป๋าหนักๆเข้า เลยเหมือนไปเพิ่มภาระให้หลังจนทำให้ปวดหลังได้ทั้งๆที่เราก็ทำถูกวิธีทุกๆอย่างแล้วนั่นเอง
อีกกรณีนึงก็มาจากกำลังกล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อแกนกลางของตัวเราไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอสะพายเป้หนักๆเป็นเวลานานๆ จนเกินกำลังกล้ามเนื้อมันจะรับไหว ก็แสดงอาการปวดหลัง ปวดบ่าขึ้นในที่สุด ถ้าเป็นกรณีกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงก็เพียงแค่แบ่งเวลามาออกกำลังกายประเภทยกนํ้าหนัก เวทเทรนนิ่งบ้าง
แต่ถ้าเป็นกรณีที่เกิดจากสรีระเราไม่ดีเอง แล้วจับต้นชนปลายไม่ถูกล่ะก็ แบบนี้ผมแนะนำให้ไปพบนักกายภาพให้เค้าตรวจประเมินโครงสร้างร่างกายให้ดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเดาจนปวดหัวนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น