วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กรดูกสันหลังเคลื่อนง่าย ถ้าได้อ้วนลงพุง




สำหรับบทความในวันนี้ ผมขอกล่าวถึงปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่ของคนไทยที่กำลังเผชิญกันอยู่ครึ่งค่อนประเทศ นั่นคือโรคอ้วน ถ้าพูดถึงโรคอ้วนธรรมดาหลายคนอาจจะเฉยๆเพราะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ที่จะกล่าวถึงวันนี้คือภาวะอ้วนลงพุง หลายคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีว่าโรคอ้วนเป็นประตูสู่สารพัดโรค เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะตับแข็งจากไขมันพอกตัว เป็นต้น 

แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากอ้วนแล้วแถมยังลงพุงด้วยมีความเสี่ยงทำให้เกิด "โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน (spondylolisthesis)" ได้ง่ายกว่าคนทั่วไปด้วย สิ่งที่น่ากลัวก็คือ โรคนี้ไม่แสดงอาการใดๆจนกว่าข้อของกระดูกสันหลังข้อใดข้อหนึ่งเกิดการเคลื่อนไปข้างหน้ามากแล้ว จนเกิดอาการปวดหลังร้าวลงขา และเมื่อกระดูกสันหลังเคลื่อนไปมากขึ้นจนกดเบียดเส้นประสาทจะทำให้มีอาการชาร้าวลงขา ขาอ่อนแรง รู้สึกขาหนักยกไม่ขึ้นตามมา

ระดับความรุนแรงของโรค แบ่งได้ 4 ระดับ


ระดับที่ 1 : เคลื่อน 25%

ระดับที่ 2 : เคลื่อน 50%
ระดับที่ 3 : เคลื่อน 75%
ระดับที่ 4 : เคลื่อน 100%

ซึ่งระดับที่ 1-2 นั้นสามารถรับการรักษาทางกายภาพให้หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าการเคลื่อนรุนแรงถึงระดับ 3-4 โอกาสที่จะหายได้โดยการรักษาทั่วไปมักไม่ได้ผลเท่าที่ควร ซึ่งถ้าถึงระยะนี้แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด

อ้วนลงพุงมันเกี่ยวอะไรกับกระดูกสันหลังเคลื่อนได้ละ?

นี่คงเป็นคำถามที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงสงสัยกัน ผมจะอธิบายแบบย่อให้ฟังนะครับ กระดูกสันหลังของเราทุกคนนั้นไม่ได้เป็นเส้นตรงเหมือนไม้บรรทัดเมื่อมองจากด้านข้าง แต่มีลักษณะเป็นส่วนโค้งเว้า ซึ่งกระดูกสันหลังช่วงเอวของคนเรานั้นมีลักษณะเว้าไปทางด้านหน้า (Lordosis) ตามปกติ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรามีภาวะอ้วนลงพุง มันจะทำให้กระดูกสันหลังต้องรับนํ้าหนักมากขึ้นพร้อมกันนั้นก็ทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวเกิดการแอ่นไปด้านหน้ามากขึ้น (Hyperlordosis) ตามนํ้าหนักของหน้าท้องที่โตขึ้นนั่นเอง ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้กระดูกสันหลังต้องรับความเครียดจากการรับนํ้าหนักที่มากเกิน และเส้นเอ็นรอบข้อกระดูกสันหลังได้รับความเครียดตามมาจนเกิดการหย่อน ทำให้ข้อต่อขาดความมั่นคง และเมื่อข้อต่อของกระดูกสันหลังขาดความมั่นคงจึงเป็นเหตุให้กระดูกสันหลังเคลื่อนนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าภาวะอ้วนลงพุงส่งผลร้ายแรงมากกว่าที่คุณคิด ฉะนั้นหมั่นรักษาสุขภาพโดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายวันละไม่ตํ่ากว่า 40 นาทีกันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น