วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เหมือนตายทั้งเป็น เพราะโดดนํ้าผิดท่า ประสบการณ์สุดซวยของเด็กน้อยวัย 18 ปี


สวัสดีคร้าบบบ พักเรื่องบทความเชิงความรู้กันสักหน่อยแล้วเปลี่ยนมาเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่ผมได้พบได้เจอเคสคนไข้แปลกๆชวนฉุดคิดกันบ้างดีกว่า วิชาการมากเกินไปเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน  ให้หัวข้อนี้ผมจะบอกเล่าประสบการณ์ของเด็กวัยรุ่น(วัยกำลังรุ่ง)ที่ผมเคยทำกายภาพให้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี

การทำงานในช่วงเช้าเริ่มต้นขึ้นตอน 8 โมงตรง เวรเปลทยอยเข็นผู้ป่วยลงมาจากห้องพักลงมาที่แผนกกายภาพ เพื่อฝึกเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ ฝึกเดิน ฝึกการใช้รถวีลแชร์ทั่วไป ในแผนกที่ผมอยู่จะมีเฉพาะผู้ป่วยอัมพาต หรือที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูระยะยาว ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยวัยกลางคนจนถึงสูงอายุ แต่ไม่นานนักผมเหลือบไปเห็นเวรเปลเข็นเด็กคนนึงเข้ามาในแผนก ในลักษณะตัวพับตัวอ่อนต้องใช้ผ้ารัดเอวผูกไว้กับวีลแชร์เพื่อไม่ให้ตัวไถลตกรถ ซึ่งดูผ่านตาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นอัมพาตตั้งแต่ระดับคอลงมาแน่ๆ (quadriplegia) ท่ามกลางผู้ป่วยที่มีแต่ผู้สูงอายุแล้วมาเจอเด็กคนนี้จึงดูเด่นขึ้นมาทันที คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือ "ไปทำอะไรมาถึงเป็นอัมพาตรุนแรงระดับนี้ได้ สงสัยไปแว๊นมอไซด์ล้มแล้วคอหักละมั้ง " ก็คิดสงสัยไปต่างๆนาๆ แต่ใบหน้าของน้องเค้าไม่ได้มีความโศกเศร้า ความสิ้นหวังเหมือนผู้ป่วยคนอื่นๆที่ได้พบเจอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่าน้องเค้าคงเป็นมานานแล้วแน่ๆ คงทำใจได้ในระดับนึงแล้วมั้ง

จนกระทั่งผมรับผิดชอบผู้ป่วยในความดูแลเสร็จสิ้นแล้ว มีเวลาเหลือเลยเข้าไปคุยกับน้องคนนี้ซะหน่อย (ชอบเผือกอะไรทำนองนี้) น้องเค้าแนะนำตัวว่าชื่อ"ป๋อง" (นามสมมติ) จากนี้ไปคือเรื่องราวของน้องป๋องว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในสภาพนี้นะครับ น้องเค้าเล่าว่า...

เมื่อ 3 ปีก่อน เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของโรงเรียน พ่อแม่ชวนไปเที่ยวนํ้าตกกัน วันนั้นควรจะเป็นวันสุขสันต์ของคนในครอบครัวที่ได้เที่ยวพักผ่อนและเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อน้องป๋องเห็นนํ้าตกแล้วด้วยความคึกคะนองตามประสาเด็กวัยรุ่น น้องวิ่งขึ้นไปชั้นบนของนํ้าตกเห็นแอ่งนํ้าอยู่เบื้องล่างสีเขียวอมฟ้าสวยงามน่าดึงดูด แต่หารู้ไม่ว่าข้างใต้แอ่งนํ้าแห่งนี้มีโขดหินอยู่มากมาย แล้วในช่วงหน้าร้อนของเดือนเมษานํ้าในแอ่งนํ้าก็มีปริมาณน้อยเหลือเกิน แต่เด็กก็คือเด็ก ไม่สนใจอะไรอยู่แล้วขอให้ได้เล่นสนุกเป็นพอ เด็กชายป๋องจึงวิ่งเต็มแรงจากนํ้าตกชั้นบนลงมายังแอ่งนํ้าเบื้องล่างในท่าหัวลงพื้น ด้วยสำคัญว่านํ้าในแอ่งลึกพอที่จะรับตัวเค้าได้ แต่เด็กน้อยคิดผิด สิ่งแรกที่ร่างกายรับรู้คือ เสียงกระทบนํ้าดัง "ตูม" พร้อมๆกับความรู้สึกว่ามีของแข็งบางอย่างกระทบศีรษะจนรู้สึกชาเหมือนโดนไฟช็อตไปทั่วร่างกาย น้องป๋องจะขยับแขนตีขาไปหาแม่ที่อยู่เบื้องหน้าก็ทำไม่ได้ ทั่วทั้งร่างกายรู้สึกเพียงอยู่อย่างเดียวคือ "มันชาไปหมดเลยครับพี่ ชาจนไม่รับรู้อะไรเลย ชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อ้าปากพูดยังลำบากเลยตอนนั้น" นั่นคือความรู้สึกแรกที่น้องบอกผม แต่เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายมีคนวิ่งลุยนํ้ามาอุ้มขึ้นฝั่งก่อนจะส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด "ณ ตอนนั้นมันรู้สึกงงและตกใจมากกว่านะพี่ ว่าทำไมเราถึงขยับร่างกายไม่ได้น่ะ" 

ผล X-ray นั้นชี้ชัดว่าน้องป๋องมีกระดูกคอแตกหลายชิ้นจนไปทำลายเส้นประสาทไขสันหลังอย่างถาวร ผลก็คือเป็นอัมพาตตั้งแต่ระดับคอลงมา! เหตุการณ์ครั้งนั้นได้เปลี่ยนชีวิตน้องและครอบครัวไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่น้องบอกกับผมทิ้งท้ายก่อนจะกลับบ้านว่า "เหมือนตายทั้งเป็นเลยพี่ ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนอนอยู่บนเตียง แย่ยิ่งกว่าติดคุกอีกนะผมว่า คุกที่ว่านี้ก็คือร่างกายของผมเองเนี่ยแหละ ผมเสียโอกาสอะไรในชีวิตเยอะมาก ช่วงเวลาที่เพื่อนผมเตรียมสอบเข้ามหาลัย ส่วนผมก็เตรียมร่างกายมาทำกายภาพที่ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นได้สักแค่ไหน แต่อย่างน้อยผมก็ขอแค่ใช้มือได้เหมือนเดิมก็โอเคแล้ว นี่แค่กำมือยังทำไม่ได้เล้ย" 
ผม : "ถ้าใช้มือได้เป็นปกติจะได้ช่วยเหลือตัวเองง่ายขึ้นหรอ?" ผมถาม
น้องป๋อง : "เปล่าพี่ ผมจะได้เอาไว้เล่นเกมส์แก้เบื่อตอนอยู่บ้านน่ะ ฮาๆๆ"

แล้วบทสนทนาก็จบลงเพียงเท่านี้ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้จริงๆนะว่าแล้วในอนาคตของเด็กคนนี้จะเป็นยังไงเมื่อไม่มีพ่อแม่ไม่มีคนดูแลแล้ว เพราะคนที่เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา (quadriplegia) การช่วยเหลือตัวเองแทบเป็นไปไม่ได้เลยนะ และการรักษาในปัจจุบันก็ไม่สามารถเร่งให้เส้นประสาทงอกได้ (ถึงแม้ จะผ่าตัดเส้นประสาทให้เชื่อมต่อกันได้ แต่การที่จะให้เส้นประสาทงอกมานั้นต้องรอให้ร่างกายฟื้นตัวเอง ไม่สามารถทำอะไรได้เลย) การทำกายภาพก็ทำได้เพียงป้องกันไม่ให้ข้อติด ระวังแผลกดทับ ยืดกล้ามเนื้อ กระตุ้นไฟบ้างแค่นี้เอง

คิดแล้วก็เศร้าแทน พลาดแค่ครั้งเดียวอนาคตดับวูบลงทันทีและไม่มีโอกาสแก้ตัวเป็นครั้งที่ 2 เพราะนี่คือชีวิตจริงไม่ใช่เกมส์ที่เราจะกด restart ใหม่ได้ทุกครั้งที่พลาด ฉะนั้น อย่าประมาทกับชีวิต เพราะชีวิตจริงไม่มีปุ่ม restart ให้กดนะครับ

ปล. เรื่องนี้ผมนำมาบอกเล่าเพื่อเป็นอุทาหรให้เราดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ไม่ได้มีเจตนาตอกยํ้าตัวคนไข้แต่อย่างใดนะครับ

เครดิตภาพ
- http://www.perfectvacation.co/8-of-the-best-destinations-for-extreme-sports/13/760/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น