วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
เกาต์ VS รูมาตอยด์ โรคที่มีทั้งความเหมือนและความต่าง กับวิธีการแยกโรค
เกาต์ VS รูมาตอยด์
ปวดข้อเหมือนกัน แต่มีรูปแบบการปวดที่ต่างกัน
โรคเกาต์และรูมาตอยด์จัดว่าเป็นโรคที่คนไทยอย่างเราๆรู้จักกันดี เพราะพบเห็นกันได้ทั่วไป เมื่อมาถามถึงอาการของโรคนี้หลายคนตอบเหมือนๆกันหมดว่าคือ อาการปวดข้อน่ะ แล้วทีนี้ไออาการปวดข้อที่เป็นอยู่เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นจากโรคเก๊าต์หรือจากโรครูมาตอยด์ละ พอถามยังงี้ก็งงเป็นไก่ตาแตกกันทีเดียวเชียว สมัยผมเป็นนักศึกษาก็เจอข้อสอบถามความแตกต่างระหว่าง 2 โรคนี้ ด้วยความที่คิดว่าอาจารย์คงไม่ออกข้อสอบอะไรซับซ้อนแน่ เลยไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นพิเศษ พอเจอข้อสอบอบบนี้ไปถึงกับสตั๊นไป 10 วินาที แล้วตอบไปอย่างรวดเร็วว่า "ไม่แตกต่างกัน เพราะปวดข้อเหมือนกันครับ" คงไม่ต้องบอกก็รู้นะครับวันนั้นคะแนนข้อสอบของผมออกมาจะทุเรศขนาดไหน เหอะๆ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ความแตกต่างของโรคเก๊าต์และรูมาตอยด์
โรคเก๊าต์
1) เกิดจากผลึกยูเรตไปสะสมที่ข้อต่อ ทำให้ทิ่มตำเนื้อเยื่อรอบๆข้อจนได้รับความบาดเจ็บ
2) เมื่ออากาศเย็นหรือประคบเย็นบริเวณข้อที่มีปัญหาทำให้ปวดมากขึ้น
3) มักปวดเพียงข้อเดียวหรือ 2 ข้อ ข้างใดข้างหนึ่ง
4) มักปวดที่ส่วนล่างของร่างกาย โดยเฉพาะที่นิ้วเท้า ข้อเท้า ข้อเข่า น้อยมากที่จะปวดข้อมือ หรือข้อไหล่
5) รู้สึกข้อนิ้วเท้าฝืดอยู่บ้าง และจะรู้สึกมากขึ้นเมื่อากาศหนาวเย็น
6) มีปุ่มก้อนที่ข้อนิ้วเท้าบางนิ้ว ซึ่งเรียกปุ่มก้อนเหล่านี้ว่า ปุ่มก้อนโทฟัส
รายละเอียดเพิ่มเติมของโรคเก๊าต์
โรครูมาตอยด์
1) สันนิษฐานว่าเกิดจากภูมิต้านทานภายในร่างกายผิดปกติ ไปทำลายเยื่อหุ้มข้อจนได้รับบาดเจ็บ
2) สภาพอากาศร้อนหรือเย็นไม่ได้ส่งผลให้เกิดอาการปวดมากขึ้นนัก ยกเว้นระยะที่ข้ออักเสบรุนแรงแล้วไปประคบร้อนจะทำให้อักเสบเพิ่มขึ้นได้
3) มักปวดหลายๆข้อพร้อมๆกัน และปวดทั้ง 2 ข้างเหมือนกัน
4) ปวดได้ทุกที่ของร่างกายไม่ว่าจะเป็นที่ข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้า จะข้อไหล่หรือข้าเข่าก็เป็นได้เช่นกัน
5) ตื่นนอนมาจะรู้สึกข้อฝืด ขัดในข้อ แต่เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายไปได้สักระยะอาการข้อฝืดจะทุเลาลง
6) มีการผิดรูปของข้อนิ้ว ข้อนิ้วเท้า ข้อมือ และมีภาวะข้อติดแข็ง เนื่องจากเยื่อหุ้มข้อเสียหายไปจนเนื้อกระดูกเชื่อมติดกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จากข้อมูลเล็กๆน้อยๆนี้คงช่วยคลายข้อสงสัยถึงความแตกต่างระหว่างโรคเก๊าต์และโรครูมาตอยด์ไปไม่มากก็น้อยเนอะ หากมีคำถามก็เม้นเข้ามาได้เลยครับผม^^
เครดิตภาพ
- http://www.medicinenet.com/rheumatoid_arthritis/article.htm
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น